รีวิว The Dark Knight

อัศวินรัตติกาล หรือ แบทแมน ฮีโร่สุดเท่ โคตรอันตราย ขวัญใจ ปวงชน เพราะเขาทั้งหล่อ เท่ ฉลาด แล้วรวยมาก ถึงแม้จะไม่มีพลังวิเศษมากมาย เหมือนฮีโร่ตัวอื่นๆ แต่ผมมั่นใจครับ ว่าเพื่อนๆ ต้องเคยหลงเสน่ห์ ของฮีโร่ สุดดาร์คคนนี้แน่นอน และแน่นอนถ้าหากว่าเรามีฝั่งฮีโร่แล้ว ย่อมต้องมีวายร้ายตัวฉมัง ที่จะมาประชันกับฮีโร่แห่งความมืดคนนี้ โจ๊กเกอร์นั้นเอง ชื่อเสียงของแบทแมนและโจ๊กเกอร์นั้น เป็นที่รู้กันว่าสุดยอดตลอดกาล ตั้งแต่ใน คอมมิคแล้ว และหนังที่ผมจะมารีวิววันนี้ เป็นหนึ่งในภาค ที่หลายๆคนยอมรับว่าดีที่สุดใน หลายๆภาค ของ แบทแมน The Dark Knight 2008 ดูได้ที่ ดูหนังออนไลน์

บางฉากอาจจะเป็นแค่ซีนเล็ก ๆ ที่เมื่อมองภาพรวมของหนังแล้ว เราอาจจะหลงลืมมันไป ทำให้เรายังรู้สึกสนุกกับมันได้อีกครั้ง การรู้เฉลยหลาย ๆ อย่างล่วงหน้า ทำให้เราเห็นบทพูดที่ใส่ใจของหนังเรื่องนี้ ตลอดสองชั่วโมงกว่า แทบไม่มีฉากที่สูญเปล่าเลย คริสโตเฟอร์ โนแลน เป็นผู้กำกับที่สุดยอดมากจริง ๆ

 

 

เราได้เห็นด้านที่อ่อนไหวของซูเปอร์ฮีโร่ชุดดำผู้มีคุณธรรม เขาคือคนที่สังคมเลือกไส เขาเลือกทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้–สิ่งที่ถูกต้อง ข้อเรียกร้องของโจ๊กเกอร์ คือ การให้แบทแมนเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริง เขาเกือบจะได้ทำมันไปแล้ว หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างให้เกิดอีกด้านหนึ่งของคนดีอีกคนขึ้นา

หลายครั้งที่เราได้เห็นอัยการเขตคนนี้หยิบเหรียญขึ้นเสี่ยงทาย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาบอกว่า “เขาไม่ได้เสี่ยง” คือวันที่ยินดีไปเป็นตัวล่อเพื่อการจับกุมโจ๊กเกอร์ และหนังก็เฉลยว่า ทำไม หนังค่อนข้างยาวมาก แต่ก็เล่าอะไรได้ทรงพลังมากๆ อยู่หลายฉากเช่นกัน โดยเฉพาะการโยนความรู้สึกกระอักกระอ่วนให้คนดูลองเลือกเองในใจว่า ใครควรตายมากกว่ากัน ระหว่างคนปกติกับคนชั่วของสังคม ต่อมศีลธรรมต้องทำงานกันวุ่นเลยทีเดียว

 

 

ความสำเร็จของอันเหลือล้นของหนัง The Dark Knight (2008) นั้นก็ไม่เกินเลยไปจากที่ Nolan พูด เพราะหนังสามารถทำรายได้ข้ามหลัก 1,000 ล้านเหรียญฯ ทั่วโลกได้เป็นเรื่องแรกของ Warner Brothers, แฟรนไชส์หนังฮีโรของ DC และแฟรนไชส์ของ Batman เอง นอกจากนั้นหนังก็ยังชนะ 2 สาขารางวัลออสการ์ และได้เข้าชิงอีก 6 สาขารางวัล แต่การที่หนังไม่ได้เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมก็กลายเป็นข้อครหาและทำให้หลังจากปีนั้น คณะกรรมการออสการ์ จึงปรับจำนวนเรื่องของหนังที่จะเข้าชิง สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งไม่ใช่แค่ 5 เรื่องอีกแล้ว เพราะพี่แกกวาดเรียบจนรางวัลไม่พอเลยครับ

นี่เป็นจุดหนึ่งที่ ผู้กำกับของเรื่องนี้ออกมากล่าวไว้ ยกตัวอย่าง ผลงานชั้นยอดเก่าๆของเขาที่เป็นที่พูดถึงอย่างมากอย่าง Memento (2000) เขาถูกจ้างให้มาสังคายนาแฟรนไชส์อัศวินรัตติกาลเสียใหม่ ล่าสุดระหว่างที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง ก็ได้ย้อนเล่าถึงการสร้างหนังเรื่องนั้นในฐานะของผู้กำกับหน้าใหม่ต่อหนังแนวฮีโรที่ต้องมารับผิดชอบการคืนชีพ Batman ให้สำเร็จ

ในส่วนของการถ่ายทำ นับว่าการถ่ายทำด้วยมุมกล้อง การตัดต่อ ผสานไปกับเสียงดนตรีประกอบ ทำให้นี่เป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำได้ “ถึงใจ” ที่สุดเรื่องหนึ่ง ครบเครื่องทั้งลีลาฉากแอ็คชั่น และซับซ้อนในด้านบท แม้ในขณะที่คนดูเชื่อว่าเรื่องกำลังจะจบ ก็ยังมีเรื่องต่อให้ลุ้นกันอีกเกือบครึ่งเรื่องเลยทีเดียว บางคนอาจจะว่าหนังดูเครียด แต่หนังก็สะท้อนให้เห็นโลกจริงๆ ว่ามันมีสิ่งเหล่านี้อยู่ และเราอาจจะต้องการฮีโร่สักคนขึ้นมาจริงๆ ก็ได้

 

 

รีวิว The Dark Knight สุดยอดหนังแบทแมนที่ยอดเยี่ยมห้ามพลาด

ชื่อภาพยนตร์ : The Dark Knight / อัศวินรัตติกาล

ผู้กำกับภาพยนตร์ : Christopher Nolan

ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Jonathan Nolan (screenplay), Christopher Nolan (screenplay), Christopher Nolan (story), David S. Goyer (story), Bob Kane (characters)

นักแสดงนำ : Christian Bale, Heath Ledger, Aaron Eckhart, Michael Caine, Maggie Gyllenhaal, Gary Oldman, Morgan Freeman

แนว/ประเภท : Action, Crime, Drama, Thriller

เรท : USA/PG-13

ความยาว : 152 นาที

สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย : Warner Bros. Pictures, Legendary Pictures, Syncopy

วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 17 July 2008

สามารถรับชมได้ที่ เว็บดูหนังฟรี

 

 

การปรากฏของแบทแมนคือฮีโร่ผดุงความยุติธรรม เดินหน้าปราบวายร้ายแบบลับๆ ร่วมมือกับจิม กอร์ดอน ตำรวจตงฉินฝีมือดีของก็อตแธม ที่มาคราวนี้ต้องเผชิญหน้ากับ โจ๊กเกอร์ อาชญากรตัวแสบที่ฉลาดเป็นกรด มีแผน 1 แผน 2 แผน 3 มารองรับเอาตัวรอดมาโดยตลอด สร้างความโกลาหลให้ผู้คนแตกตื่นทั้งเมืองก็อตแธม การเล่าเรื่องของ 2 ตัวละครหลัก เหมือนเป็นการแบ่งเส้นความดีกับความเลวระยำที่ดูยังไงมันเกินคำว่าแอ็คชั่นแต่ยังมีกลิ่นอายทริลเลอร์ย้อนยุคมาเจือปน

หลังจากที่เหล่าอาชญากรในเมืองก๊อตแท่ม เริ่มลดลงนั่นเป็นเพราะกลัว แบทแมน ไปตบนั่นเอง เหล่าแก๊งค์ต่างๆได้รวมตัวกันเพื่อป้องกันตัวจาก แบทแมน และวายร้ายโนเนมผู้มีแผลปากฉีกและซ่อนใบหน้าภายใต้หน้ากาก อย่างโจ๊กเกอร์ ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่ออาสาที่จะเป็นคนกำจัดแบทแมน ซึ่งไม่มีใครรู้ว่า โจ๊กเกอร์เป็นใครหรือมีอดีตยังไง และมันต้องการอะไรกันแน่ ในเรื่องแต่เขาค่อยๆ วางแผนเพื่อสังหารคนสำคัญในเมือง Gotham ไปทีละคนสองคน ไปเรื่อยๆ โดยที่ปล่าวประกาศว่าใครที่เป็น แบทแมน ถ้ายอมเปิดเผยตัวตน เขาจะหยุดการสังหารโหดทันทีครับ (คาใจไรขนาดนั้น)

 

รีวิว The Dark Knight-7

 

เพราะการที่แบทแมนถอดหน้ากากนั้นก็หมายถึงการที่Batmanก้าวสู่จุดจบนั้นเองครับ เพราะถึงแม้สิ่งที่ พระเอกของเรา ทำอยู่จะช่วยให้สังคมน่าอยู่ขึ้นและมีอาชญากรน้อยลงแต่ก็มีคนในสังคมไม่น้อยครับที่ไม่ยอมรับและสนับสนุนสิ่งที่แบทแมนทำอยู่เพราะไม่ได้เป็นการกระทำภายใต้กฏหมาย

กำลังกลายเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมในเมืองนี้ โจ๊กเกอร์จึงหมายหัวและนั้นก็ทำให้เรื่องราวมาถึงจุดหักเหและการห่ำหั่นชิงไหวชิงพริบระหว่าง แบทแมน ผู้ที่เชื่อมั่นในความยุติธรรมและต้องการที่จะกำจัดเหล่าอาชญากรเพื่อ Gotham กับโจ๊กเกอร์ ผู้ที่ต้องการเห็นความพินาจและความวุ่นวายของสังคมอีกทั้งยังมีความเชื่อที่ว่าแม้คนที่ดีที่สุดถ้าถึงจุดๆหนึ่งก็สามารถจะต่ำช้าเลวทรามได้ไม่แพ้กัน เนื้อเรื่องเข้มข้นขนาดนี้ ห้ามพลาด ไปดูเลย เว็บดูหนังฟรี

 

รีวิว The Dark Knight-3

 

โจ๊กเกอร์ของภาคนี้ยอดเยี่ยมมากครับ

ต้องบอกก่อนเลยว่า หนังแอคชั่นซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง แบทแมน นั้น นอกจากมีตัวละครสำคัญอย่าง แบทแมท ที่เป็นตัวละครฝั่งผดุงคุณธรรมแล้วนั้น หนังเรื่องนี้ยังมีตัวละครชูโรง ที่มีผู้ชมส่วนมากให้ความสนใจอย่าง โจ๊กเกอร์ ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งหนังแบทแมนในภาคก่อน ๆ นั้น โจ๊กเกอร์ อาจจะเป็นเพียง ผู้ร้าย ที่คอยต่อกรกับแบทแมนเท่านั้น แต่สำหรับบทโจ๊กเกอร์ ในภาค Batman:The DarkKnight ตัวละครอย่าง โจ๊กเกอร์ กลับได้รับบทบาทที่มีความโหด ความดาร์ค ความฉลาด และมีทักษะเก่งกาจไม่แพ้ซุปเปอร์ฮีโร่อย่างแบทแมนเลยแม้แต่นิดเดียว

ถึงแม้ว่านักแสดงบท โจ๊กเกอร์ อย่าง ฮีท เลดเจอร์ จะได้เสียชีวิตลงไปหลังจากหนังออกฉายได้เพียงไม่นาน แต่บทบาทการแสดงเป็นโจ๊กเกอร์ของเขานั้น ยังคงตราตรึงใจผู้ชม และกลายเป็นนักแสดงที่รับบท โจ๊กเกอร์ ได้ดีที่สุดเท่าที่เคยมีบทโจ๊กเกอร์ออกมาเลยอีกด้วย รีวิวหนังฮีโร่