รีวิว The Matrix

ขอเกริ่นเอาไว้ก่อน ว่าหนึ่งในหนังในตำนาน ที่ผมรู้สึกค่อนข้างชอบ และถูกใจอย่างมาก ในบรรดาหนังไซไฟ ส่วนมากที่ทำออกมา เนื่องจากในยุคนั้น เมื่อ10กว่าปีที่แล้ว หนังเรื่อง The Matrix นับว่าเป็นหนังที่มีเนื้อเรื่องล้ำมาก ดูตามแม่นั่นแหละ แต่ถ้าใครได้รับชมแล้ว รับรองจะไม่ผิดหวังครับ หนังมีทั้งหมด 4 ภาคด้วยกัน รับชมได้ทุกภาค ที่ เว็บดูหนังฟรี

หนังมีหลายภาค ตอนแรกผมคิดว่ามันจะจบที่ ภาค3 แล้ว แต่ไม่แคล้ว ดันสร้างภาค 4 อกอมาซะนี่ แหละนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องออกมารีวิว เรื่องนี้ให้ อ่านกัน คือถ้าเอาไปเทียบกับไตรภาคแรกมันก็จะมีแผลเหวอะเต็มไปหมด แต่ถ้ามองว่ามันเป็นหนังแสตนอโลน ก็ถือว่า เรื่องนี้เป็นหนังแอคชั่นที่ดูได้เพลินๆ แม้อาจจะไม่ชอบธีมหลักสักเท่าไร ที่มันออกจะเน้นความเป็นหนังรักไปสักหน่อย ทว่า ไอหนังเรื่องนี้ มันก็ยังมีข้อดีของมัน เช่น การพูดถึงสถานการณ์ในโลกจริงได้อย่างน่าสนใจ บทสนทนาที่จิกกัดวงการได้อย่างแสบสันต์ งานภาพวิช่วลที่ยังดูมีคลาสและตระการตา ข้อดีก็แอบมีอยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย
 

 

ตัดสินใจกันเองว่าสนุกและพร้อมจะไปต่อกับมันไหม สำหรับผมเองที่แม้จะชอบไตรภาคแรกอยู่ประมาณหนึ่งแต่ก็ไม่ถึงขึ้นเป็นหนังที่มีคณูปการณ์ต่อชีวิตอะไร ก็รู้สึกว่าภาคนี้ไม่แย่ และดูได้เพลินๆ ถ้ามีภาคต่อก็อยากดู แต่ก็อย่างที่จั่วหัวไว้ ถ้าไปต่อก็พร้อมดู แต่จริงๆ ถ้าไม่พร้อมจะคืนชีพมาตั้งแต่แรก ปล่อยให้นอนยาวๆ ไปพร้อมกับความทรงจำดีๆ ก็อาจจะดีกว่าก็เป็นได้ ถ้าใครอยากดูก็ตามไปดูกันได้

ภาคต่อ ไม่ไม่เหมือนกับหนังภาคต่อ ชักงงๆนิดหน่อยเหมือนกันครับ ของไตรภาคหนังไซไฟระดับตำนาน หลังจากเรื่องราวจบลง เครื่องจักรและมนุษย์สามารถทำข้อตกลงกันได้ แต่เหมือนจะมีความลับเบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านั้นเมื่อพบว่านีโอและทรินิตี้ยังอยู่ในโลก The Matrix อยู่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ติดตามต่อเองให้เห็นกับตา ที่ ดูหนังออนไลน์

ภาคนี้เนื้อเรื่องยังวนเวียนอยู่กับการปลดปล่อยตัวนีโอออกจาก เดอะ เมทริกซ์ โดยมีเส้นเรื่องหลักคร่าวๆ แบบไม่สปอยล์อะไรมากก็คือ มีกลุ่มผู้ปลดปล่อยใหม่พยายามปลุกให้นีโอกลับมาอีกครั้ง ตามมาด้วยการช่วยทรินิตี้เพิ่มอีกคน ซึ่งทั้งเรื่องก็มีแค่นี้จริงๆ ดังนั้นตัวเรื่องที่เหลือก็เลยกลายเป็นความพยายามรื้อฟื้นเรื่องราวฉากเก่าๆ มาใส่ในเส้นเรื่องใหม่ของภาคนี้ โดยฉากเก่าที่ว่านี่คือแฟลชแบ็คสั้นๆ ที่ขยันปล่อยมาเรื่อยๆ ตั้งแต่นีโอยังงงๆ ฉากเลือกยา ฉากคุยกับมอร์เฟียซ ฉากฝึกวิชา และยิบย่อยอีกมากมาย จนแทบทั้งเรื่องเต็มไปด้วยแฟลชแบ็คที่กินเวลาไปไม่น้อย

โดยเทียบเป็นลักษณะนีโอมองเห็นเดจาวูของตัวเอง ซึ่งแรกๆ แฟนเมทริกซ์คงรู้สึกดีที่ภาคใหม่ยังพยายามดึงเอาฉากเก่าๆ มาร่วมด้วย แต่พอนานไปกลับกลายเป็นว่าชักเยอะเกินไป จนเริ่มรู้สึกรำคาญว่าจะพยายามใส่อะไรมาขนาดนี้ ทำให้เรื่องที่ว่าเหมือนจะไปทิศทางใหม่ได้ในตอนแรก กลับต้องมาติดหล่มการย้อนแฟลชแบ็คของเก่าแวบๆ เทียบกับเรื่องราวในปัจจุบันอยู่เรื่อยๆ

 

 

รีวิว The Matrix มาย้อนถึงหนังภาคเก่าๆกันบ้างครับ

The Matrix 1 (1999) เดอะ เมทริกซ์ 1: เพาะพันธุ์มนุษย์เหนือโลก 2199
เรื่องราวของชายหนุ่มธรรมดา ๆ ที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ได้พบกับบุรุษลึกลับที่พูดกับตัวเขาว่า เขาเป็นคนเดียวที่ช่วยปกป้องโลกจากสงครามจักรวาล ซึ่งเป็นผลมาจากมันสมองของมนุษย์ที่ย้อนกลับมาทำลายเสียเอง และจากนั้นมาทำให้ชายหนุ่มธรรมดา ๆ กลับกลายเป็นนักรบไซเบอร์หรือที่เรียกกันว่า “นีโอ” และเป็นความหวังสุดท้ายที่โลกทั้งโลกฝากฝังเอาไว้

The Matrix Reloaded 2 สงครามมนุษย์เหนือโลก
โทมัส นีโอ แอนเดอสัน พระเอกสุดหล่อ คีอา นูรีฟ ของเรา ตัดสินใจครั้งใหญ่หลวง เมื่อเขาเลือกที่จะตั้งคำถามเดียวกับที่ มอร์เฟียส (ลอว์เรนส์ ฟิชเบิร์น) และ ทรีนิตี้ (แครี่-แอน มอส) เคยถามมาแล้วก่อนหน้าเขา ในการค้นหาและยอมรับความจริง เพื่อปลดปล่อยจิตใจของเขาจาก เมทริกซ์ ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยทางเลือก ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นองก์ที่สองของ The Matrix นีโอต้องแสดงพลังที่เหนือธรรมดาของเขา อย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้น เมื่อไซออนตกอยู่ในวงล้อม ของการโจมตีโดยกองทัพเครื่องจักร พวกเขาเหลือเวลาเพียงอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ก่อนที่ยานเซ็นทิเนลจำนวน 250,000ลำ ที่ถูกกำหนดมาให้ทำลายมนุษยชาติ จะเข้ามาถึงดินแดนส่วนน้อยแห่งนี้ แต่ประชากรแห่งไซออน ซึ่งได้รับกำลังใจ จากความยึดมั่นในจิตใจของมอร์เฟียสที่ว่า เทพยากรณ์จะเป็นจริง ดังที่ถูกทำนายไว้ และหนึ่งเดียว จะเป็นผู้จบสงครามกับเครื่องจักร ทุกคนฝากความหวังทั้งมวลไว้กับนีโอ ผู้ซึ่งติดข้องอยู่กับการคาดคะเนอันสับสน ในขณะที่ค้นหาวิธีการตอบโต้ เราไม่อาจมองเห็นผ่านทางเลือกที่เราไม่รู้ นีโอและทรีนิตี้

 

รีวิว The Matrix-3

 

ซึ่งต่างฝ่ายยิ่งทวีความรักต่อกัน และเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น ได้เลือกที่จะกลับไปยังเมทริกซ์พร้อมกับมอร์เฟียส และปลดปล่อยคลังอาวุธ กับความสามารถที่ไม่ธรรมดาของพวกเขา ในการต่อสู้กับระบบที่กดขี่ และแสวงผลประโยชน์ส่วนตน แต่ที่นั่นยังมีผู้ทรงอำนาจแห่งเมทริกซ์ ซึ่งหักล้างด้วยทางเลือก ที่เต็มไปด้วยเพทุบาย โดยเลี่ยงความรับผิดชอบทั้งปวง ในขณะที่คอยป้อนความเป็นจริงแห่งอารมณ์ให้ผู้อื่น ทางเลือกเป็นภาพลวงตา ระหว่างผู้มีอำนาจและผู้ที่ไร้ซึ่งอำนาจ ในขณะเดียวกัน ยังมีผู้ถูกเนรเทศอย่าง สายลับสมิธ 

ผู้ซึ่งสายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นกับนีโอ ผลักดันให้เขาขัดขืนต่อระบบ ที่เรียกตัวเขามาเพื่อกำจัดทิ้ง เขาถูกขับเคลื่อน โดยความเป็นมนุษย์ที่เขาเคยชัง และสมิธจะผลาญทุกอย่างที่อยู่ในวิถีทางของเขา ในการสืบเสาะเพื่อการแก้แค้น อะไรคือสิ่งที่ผู้มีอำนาจต้องการ? อำนาจที่มากขึ้น ในการเดินทางที่ไม่น่าไว้ใจ เพื่อเข้าสู่โครงสร้างของเมทริกซ์ และบทบาทสำคัญของเขา ที่มีต่อชะตาแห่งมนุษยชาติ

นีโอจะได้พบกับการต่อต้านที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่า และทางเลือกที่ไม่อาจเป็นไปได้ ยิ่งกว่าที่เขาคาดไว้ เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาทางเลือก เจ้าได้เลือกแล้ว เจ้ามาที่นี่เพื่อหาคำตอบว่าทำไมจึงเลือก ในการบรรจบกันของความรักและความจริง, ศรัทธาและความรู้, จุดหมาย และเหตุผล นีโอต้องเดินตามทางสายที่เขาเลือกแล้ว แล้วเส้นทางของเขา จะเป็นเช่นไรต่อไป ความกดดันนี้จะสำเร็จไหม  ดูต่อที่ เว็บดูหนัง

 

รีวิว The Matrix-1

 

THE MATRIX REVOLUTIONS 3 ปฏิวัติมนุษย์เหนือโลก

รื่องราวต่อจากภาคที่แล้วเลยครับ หลังจากเกิดเหตุระเบิดขึ้นกับยานลำอื่นๆ ผู้มีชีวิตรอดคนเดียวที่ค้นพบก็คือเบน แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าภายในตัวเบนนั้นถูกยึดครองอย่างเต็มที่แล้วจากสมิธ ซึ่งต้องการจะตามแก้แค้นนีโอไปทุกที่ ฝ่ายนีโอนั้นหลังจากทราบความจริงอันน่าตกตะลึงจากสถาปนิกผู้ให้กำเนิดเมทริกซ์แล้วก็ยิ่งสงสัยในทางที่ตนควรจะเดินอีก

ในอีกด้า่นหนึ่ง ทางไซออนก็แจ้งมาว่าเครื่องจักรนั้นบุกถึงเมืองแล้ว และชาวเมืองก็ต้องรวมกำลังกันต่อต้านอย่างเต็มที่ มอร์เฟียสและพรรคพวกต้องรีบกลับเมืองให้เร็วที่สุดเพื่อเป็นกำลังสำคัญ แต่นีโอกลับเลือกจะไปยังแหล่งกำเนิดที่แท้จริงนั่นก็คือเมืองของเครื่องจักร แม้จะรู้ว่าอันตรายถึงชีวิตแต่นีโอก็ยังต้องเลือกไป ทรินิตี้ผู้เชื่อมั่นในคนรักของตนอาสาจะไปด้วย ทางด้านไซออนที่กำลังเจอศึกหนักกับเครื่องจักร ในขณะที่เหตุการณ์ในโลกจริงกำลังใกล้จะถึงจุดสิ้นสุด

โลกเมทริกซ์ก็กำลังจะล่มสลายด้วยฝีมือของสมิธผู้ยึดครองร่างของทุกคนในเมทริกซ์ไว้และเปลี่ยนให้กลายเป็นตัวเอง นีโอจึงต้องต่อสู้ครั้งสุดท้ายเพื่อให้สงครามจบลงอย่างสมบูรณ์ เพียงแต่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ ระหว่างมนุษย์หรือเครื่องจักร

 

รีวิว The Matrix-2

 

กลับมาที่เรื่องราวของภาค 4 ดูจบแล้วเป็นอย่างไร

ผมว่าเนื้อเรื่องยังพอถูไถไปได้ เช่นเดียวกับฉากแอคชั่นที่ทำได้ดีแค่ในระดับพอใช้เท่านั้น ในโลกภาพยนตร์ยุคนี้ที่เต็มไปด้วยหนังที่มีซีนแอคชั่นงานเนี๊ยบเต็มไปหมด ทำให้อดคิดไม่ได้ว่านี่ ตรูดู จอนวิค อยู่รึเปล่าครับเนี่ย อะไรมันจะยิงกันขนาดนั้น เสน่ห์ ความเป็น เดอะ แมททริก หายไปแทบหมดเลยครับ เจือจางมาก การที่เบอร์ใหญ่อย่าง The Matrix ทำได้ประมาณนี้ก็ไม่ได้ชวนรู้สึกตื่นเต้นเลย แม้จะมีช็อตโชว์วิช่วลเจ๋งๆ อยู่บ้าง แต่ตอนกลางเรื่องก็คืออืดจนชวนหลับมากๆ ยังดีว่าแอคชั่นซีนใหญ่ตอนท้ายนั้นใช้ได้อยู่ ตื่นตา ยิ่งใหญ่ แต่ไม่มีมนต์ขลังเลย กลายเป็นเหมือนหนังซอมบี้ซะงั้นไป

สเน่ห์อีกอย่างที่หายไปของภาคนี้คือการที่เป็นหนังซึ่งพูดถึงเรื่องเจตจำนงค์เสรี แต่ดันมีองค์ประกอบที่ถูกคุมธีมไว้อย่างเนี้ยบแน่น ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหน้าผม คอสตูม รวมไปถึงเอเลเมนต์แบบป๊อปคัลเจอร์ฟากโลกตะวันออกที่ถูกผสมรวมกันอย่างดี พอภาคนี้ดูมีความผ่อนคลายในจุดนี้มากขึ้น ก็เลยกลายเป็นว่าความหอมหวลชวนใจเต้นนั้นมันจางไปจนน่าใจหาย

 

 

ถ้าไม่นับควาามพยายาม ที่จะขายฉากเก่าๆ ลึกลึกความหลัง พูดถึงฉากแอ็กชั่น เพียวๆ ที่เป็นจุดขายของเรื่องก็ยังเอาของเก่ากลับมาบ้างนิดหน่อย อย่างฉากสมิธรัวกำปั้น ฉากโยกหลบกระสุน ของพวกสายลับ ฉากหยุดกระสุนของนีโอ แต่พวกนี้ไม่มีปัญหาเพราะการเอามาแบบนี้มันช่วยทำให้ความมันส์แบบเก่าๆ กลับมาได้ แต่ปัญหาคือฉากแอ็กชั่นใหม่ๆ ที่ควรจะมีฉากเด็ดน่าจดจำระดับปฏิวัติวงการแบบที่ไตรภาคเก่ามีกันทุกภาค มาภาคนี้กลับไม่มีฉากไหนคู่ควรหรือใกล้เคียงพอกับอะไรแบบนั้นเลยสักฉากจริงๆ

ซึ่งอาจจะเพราะเราได้เห็นฉากยิงกระหน่ำรัวๆ มาจากหนังหลายเรื่องที่ได้อิทธิพลมาจากจอห์นวิค แหม สงสัยจะอิน ต้องยอมรับจริงๆ ว่าจอน วิค มีอิทธิพล กับหนังแนวนี้ ในปัจจุบัน อย่างมากครับ แต่ถ้าตัดเรื่องการใช้ปืนไปมาดูที่การต่อสู้ประชิดตัว ภาคนี้ได้หยวนวูปิงมารับหน้าที่ออกแบบคิวบู๊แทนก็ต้องบอกตรงๆ ขอโทษทุกผู้พี่ด้วยนะครับ ความรู้สึกของผมคือมันยังไม่ผ่านจริงๆ ไม่มีฉากไหนที่โดดเด่นน่าประทับเลยสักฉากเมื่อเทียบกับภาคก่อนๆ

ถ้าเพื่อนๆ อยากอ่านรีวิวของ สุดยอดหนังเรื่องนี้ ภาคก่อนๆ ว่ามันสุดยอดขนาดไหน ผมจะตามมารีวิวให้อ่านกันวันหลังครับ ติดตามได้ที่ รีวิวหนังไซไฟ