รีวิว Bridge to Terabithia

หนังแฟนตาซี สุดแสนจะประทับใจ แนวครอบครัว แฟนตาซี ที่แผงไปด้วยความอบอุ่น เจสเด็กชายที่ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ได้เจอกับเลสลี่เด็กหญิงที่เขาไม่ค่อยจะถูกชะตา แต่ด้วยที่บ้านอยู่ใกล้กันจึงสนิทกันไม่ยาก วันหนึ่งทั้งคู่ก็ค้นพบดินแดนวิเศษแถวละแวกบ้าน ที่พวกเขาเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า ‘ทีราบิเตีย’

หนังแฟนตาซี เรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวความมหัศจรรย์เริ่มจาก เจส และ เลสลี่ เด็กชายและหญิงที่จากไม่ชอบหน้ากลายมาเป็นเพื่อนรักกัน ดูหนังออนไลน์2021 พากย์ไทย และทั้งคู่ได้ค้นพบดินแดนอันอัศจรรย์สุดคณานับ ดินแดนที่เรียกขานว่า Terabithia ที่ทีราบิเตีย ต้นไม้จะเดินได้ แมลงจะรบได้ยักษ์จะปกป้อง…อินทรีจะพิฆาต ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ แค่หลับตา แล้วเปิดใจให้กว้างและในดินแดนทีราบิเตียนี้เอง ที่บังเกิดสิ่งไม่คาดคิดเกินกว่าที่ใครจินตนาการถึงได้

แนว: Drama, Family, Fantasy

นักแสดงนำ: Josh Hutcherson, AnnaSophia Robb, Zooey Deschanel

ความยาว : 1 ชั่วโมง 36 นาที

IMDb: 7.1/10

 

รีวิว Bridge to Terabithia

 

งานเขียนอย่างแฮร์รี พ็อตเตอร์เป็นเหมือนกับการปฎิวัติวงการวรรณกรรมเยาวชนทั้งปวง ดูหนังออนไลน์ฟรี 2021 เต็มเรื่อง พากย์ไทย ด้วยการสร้างโลกแห่งจินตนาการอันใหญ่โตของเวทมนตร์จนกลายเป็นหนังสือที่มีแฟนๆ ชื่นชอบกันทั่วโลก

แต่กาลเวลาผ่านไป เมื่อแฮร์รีโตขึ้นเรื่อยๆ ทิศทางของเนื้อหาในเล่มหลังๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จากวรรณกรรมเด็กที่มีจุดเด่นด้านการหักมุม ความซับซ้อนของมันมากขึ้นจนจุดเด่นด้านหลังจะมีมากกว่าการเป็นวรรณกรรมสำหรับเด็กเข้าไปทุกที ซึ่งในฐานะนักอ่านผู้ใหญ่อย่างผมจะชอบมากๆ และหวังว่าหลังจากเสร็จงานเขียนสำหรับเด็กอย่างแฮร์รี พ็อตเตอร์ในเล่มที่ 7 ที่จะวางขายเร็วๆ นี้แล้ว เจ.เค.โรว์ลิง น่าจะประสบความสำเร็จในงานเขียนระดับ “ผู้ใหญ่” ได้เป็นอย่างดี

Bridge to Terabithia เมื่อเทียบกับแฮร์รี พ็อตเตอร์ในยุคปัจจุบันนั้นดูจะแตกต่างกันมาก เพราะมันไม่ใช่ผลงานที่จะทำให้เด็กนับล้านหันมาอ่านวรรณกรรมเหมือนกับเรื่องราวของพ่อมดน้อย แต่ใจความสำคัญของ Bridge to Terabithia นั้นเทียบได้กับหัวใจสำคัญของวรรณกรรมเยาวชนทุกเรื่องเลยทีเดียว

Bridge to Terabithia เป็นผลงานของนักเขียนอเมริกันแคเธอรีน แพ็ตเตอร์สัน เมื่อปี 1977 นับวันที่หนังออกฉายก็ 3 ทศวรรษพอดี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการสร้างเป็นภาพยนตร์ทางโทรทัศน์มาแล้วเมื่อปี 1985 แต่เป็นครั้งแรกที่ถูกสร้างสำหรับฉายในจอใหญ่

Terabithia อาจจะเป็นชื่อที่คุ้นหูของแฟนที่เป็นสาวกของ ซี. เอส. ลูอิส เพราะเสียงของมันไปพ้องกับชื่อเกาะ Terebinthia ในดินแดนนาร์เนีย ที่ถูกเอ่ยถึงทั้งในตอน Prince Caspian และ The Voyage of the Dawn Treader ซึ่งแพ็ตเตอร์สันเองกล่าวว่าทั้งเธอและลูอิสต่างก็ได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อต้นไม้ Terebinth ในพระคัมภีร์ไบเบิลด้วยกันทั้งคู่

 

รีวิว Bridge to Terabithia-1

 

รีวิว Bridge to Terabithia เนื้อเรื่องของเรื่องนี้

เจส (Josh Hutcherson) เด็กผู้ชายที่ไม่ยุ่งกับหมู่สังคมจึงเป็นที่กลั่นแกล้งจากเพื่อนๆและรุ่นพี่ และเพราะด้วยความเก็บตัวทำให้ต่างมองว่าเป็นพวกขี้แพ้ไม่มีทางสู้ แต่แล้วการเข้ามาของเด็กใหม่เลสลี่(Anna Sophia Robb)ทำให้ชีวิตของเจสต้องเปลี่ยนไปด้วย เพราะความสนิทสนมที่เริ่มมากขึ้นจนกลายเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่ทิ้งห่าง จนวันหนึ่งเจสและเลสลี่ได้ไปที่ป่าแห่งหนึ่งซึ่งมีเชือกผูกอยู่ เจสและเลสลี่ได้โหนเชือกนั้นไปอีกฝากหนึ่ง แล้วเลสลี่เกิดความคิดอย่างหนึ่ง ในขณะที่เจสมองว่าเป็นเรื่องไม่มีอยู่จริงก่อนจะคิดใหม่ จนกระทั้งบางอย่างมีอยู่จริงขึ้นมาและตั้งชื่อว่า Terabithia ดินแดนที่เต็มไปด้วยเรื่องเหลือเชื่อมากมายกับการต่อสู้ระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการ

สำหรับ Bridge to Terabithia นั้น อย่าไปหลงผิดคิดว่ามันเป็นหนังเด็กแบบใสๆ ที่เข้าไปตะลุยในโลกแฟนตาซีสีสันสดใสในแบบที่เราเห็นในปกกันเชียว เพราะสุดท้ายแล้วกลับจะกลับกลายเป็นหนังแนว Coming-of-Age อีกเรื่อง ที่ให้เราได้เฝ้าดูพัฒนาการของตัวละคร ที่ใช้โลกจินตนาการมาเป็นเครื่องมือให้ได้เรียนรู้ชีวิต และเติบโตขึ้นในวันข้างหน้า ซึ่งหนังจะออกมาในโทนที่หม่นๆ กว่าที่คิดกันเอาไว้แน่ๆ ใครที่ชอบหนังสไตล์วรรณกรรมเยาวชนที่โยงเข้าแฟนตาซีหน่อยๆ แบบ Peter Pan, Where the Wild Things Areหรือ Monster Calls แล้ว นี่ก็เป็นหนังดีๆ อีกเรื่องที่จัดอยู่ในหมวดเดียวกันเลย
Terabithia คืออาณาจักรของคนทั้งสองที่ตรึงความคิดระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกแห่งความคิดของจินตนการที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องราวถ่ายทอดสู่สายตาแห่งการตอบสนองของเลสลี่และเจส

ในที่แห่งนี้จะไม่มีใครรู้ลึกเห็นชัดเท่าคนทั้งสองที่เป็นประหนึ่งผู้สร้างและทำให้เกิดเรื่องราวขึ้น กับโลกแห่งความจริงไม่มีสิ่งใดที่น่าเหลือเชื่อกว่าโลกของความคิด ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก ที่นำพาสู่โลกของส่วนตัวที่ประหนึ่งบ้านของตัวเอง ที่เกิดขึ้นเพราะเจตนารมย์สำนึกของตนเองที่ผ่านเวลาในการดำเนินชีวิตจนแปรสภาพเป็นโลกคู่ขนานที่พร้อมผ่านไปด้วยกันทั้งเรื่องจริงและจินตนาการ

ที่ต่างพึ่งพิงอาศัยเพื่อค้ำจุ้นอีกสิ่งหนึ่งดังความสำคัญที่ขึ้นอยู่กับ Bridge แต่ก่อน Bridge จะเชื่อมเข้าสู่โลกคู่ขนานได้นั้นเป็นเรื่องระหว่างความสัมพันธ์และรู้ใจกันของเลสลี่กับเจสที่ต้องสื่อใจถึงใจได้อย่างเป็นอันหนึ่งเดียวด้วยวิธีการของเลสลี่ที่มีความคิดกับคำที่ว่า”เปิดใจให้กว้าง”

 

 

ซึ่งก่อนที่ทั้งคู่จะกลายเป็นผู้สร้าง Terabithia นั้นไม่ได้มาเพราะโอกาส แต่เป็นการให้โอกาสของเจสที่ว่าจะยอมรับเลสลี่ผู้ชนะการวิ่งได้หรือไม่ทั้งๆที่เจสตั้งความหวังเอาไว้อย่างสูง และจากที่คิดว่าต้องได้ที่หนึ่งกลายเป็นว่าต้องเสียตำแหน่งเพราะเด็กใหม่เลสลี่ที่ทำให้เขาต้องแพ้

เจสเป็นเด็กมัธยมต้นที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มเพื่อนหรือทางสังคมเป็นอย่างดี รวมถึงภายในครอบครัวที่ไม่ได้ผูกให้ความรักอย่างจริงจังเหมือนรักเข้าข้างน้องมากกว่า ทำให้มีสถานะภาพเป็นพวกเก็บตัวและยากจะสนิทสนมกับใคร แต่ในความเป็นพวกขี้แพ้ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นพวกไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวซะทุกอย่าง เพียงแต่ในความหมายของ Loser รีวิวหนังไซไฟ นั้นเป็นความคิดของเพื่อนๆที่ไม่เคยเห็นว่าเจสจะมีอะไรดีและน่าสนใจ จนกระทั้งช่วงเวลาแห่งหารคว้าชัยชนะคือการวิ่งซึ่งแน่นอนว่าเจสกำลังจะชนะ แต่ต้องเปลี่ยนไปเพราะเลสลี่ผู้ลงแข่งด้วยเหตุที่ว่าอยากคบเพื่อนสักคน

เลสลี่คือผู้หญิงที่มองโลกด้วยจินตนาการของตัวเองล้วนๆที่ให้ผลลัพธ์แบบบริสุทธิ์เพราะเลสลี่ไม่ได้มีทีวีที่บ้านดูเลย แต่ด้วยมุมมองที่กว้างเกินหน้าจอทีวีจะให้ได้นั้นเกิดจากครอบครัวที่เป็นนักเขียน และด้วยความสัมพันธ์นี้เองทำให้เธอเปี่ยมด้วยทัศนมุมมองของโลกที่เป็นมากกว่าโลกที่คุ้นเคยกับการเปิดใจเพื่อยอมรับสิ่งที่ไม่มีอยุ่จริง

 

 

เลสลี่มีอะไรที่เหมือนกับเจสแต่ทั้งคู่ล้วนมีจุดแตกต่าง ในขณะที่เจสเลือกจะวาดรูประบายสีกับการหมกตัวในงานที่ใช้ศิลปะที่ไม่ไม่เต็มใจให้ใครดู แต่กับเลสลี่มีความคิดที่มองโลกด้วยความเป็นอิสระเสรีและมักต้องการใช้ชีวิตกับสิ่งนั้นด้วยความสุขของเธอเอง

สำหรับเลสลี่มีความแปลกมากกว่าจะเป็นผู้หญิงทั่วไปที่มีความกล้าและความคิดที่กว้างมากกว่าที่จะเป็น ทำให้ไม่แปลกใจที่หลายๆคนจะชอบเลสลี่ แต่ขณะเดียวกันใช่ว่าทุกคนจะยอมรับได้เสมอไปอย่างเด็กเกรดแปดรุ่นพี่ที่มีอายุมากกว่าและชอบวางตัวเหมือนอัธพาล

แต่การเรียนรู้บางทีมันโหดร้าย ทำให้ในช่วงหลังจากมุมมองที่สดใสของพวกเขา จากในโลกจินตนาการก็ต้องเปลี่ยนไป และเข้าสู่โหมดที่ตัวละครได้เรียนรู้และเผชิญหน้ากับชีวิตจริงมากขึ้น พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โลกในจินตนาการให้มาเป็นภาพสะท้อนชีวิตจริงอีกต่อไป และได้ยอมรับความสุขและความเศร้าในแบบที่ชีวิตมนุษย์ต้องเผชิญ จนทำให้สุดท้ายแล้ว Bridge to Terabithia ไม่เพียงแต่เล่าถึงชีวิตในวัยเด็ก หรือโลกในจินตนาการเท่านั้น เพราะสุดท้ายมันก็กลายมาเป็นสองโลกที่ซ้อนทับกันจนสุดท้ายก็เหลือแต่โลกจริงที่ทำให้คนดูเรียนรู้และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และก้าวข้ามผ่านตวามสูญเสีย เรื่องเลวร้ายต่างๆ ในชีวิตไปด้วย

 

รีวิว Bridge to Terabithia-2

 

เนื้อหาต่อจากนี้จะเป็นการสปอล์

คิดว่ายังไงกับเด็กสาวเกรดแปดที่มีวุฒิภาวะสูงกว่าในหลายมุมมอง แต่ไม่ได้ว่าจะมีสูงกว่าใครในทุกด้าน เพียงแต่ใช่ประโยชน์จากสิ่งที่อยู่เหนือกว่าใครในด้านผู้ใหญ่ที่ปักหลักยึดที่นั่งหลังรถโรงเรียน หรือจะหน้าห้องน้ำที่ใครจะเข้าต้องจ่ายเงินเป็นภาษีเสียก่อน การมีพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้อยู่ต่างหรือห่างจากสิ่งที่ทำให้เกิดมากนักแต่เป็นเรื่องของสังคมที่มักจะเกิดจากเลียนแบบจากผู้ใหญ่ที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานในวุฒิที่สูง ทำให้ไม่ต่างอะไรกับวัยทำงานที่ต้องหารายได้เข้าครอบครัวเพื่อเลี้ยงดูและใช้ชีวิตกันอย่างสุขสม

ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกลับบ้านครั้งหนึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปอีกยาวนาน เมื่อเจสและเลสลี่ได้เข้าไปในป่าหลังบ้าน ด้วยความที่อยากผจญภัยตามประสาเด็กทำให้เหมือนเป็นการจุดพลุที่แตกเป็นประกายความคิดที่ให้เกิดดินแดน Terabithia แต่ผู้สร้างจริงๆคือเลสลี่เพราะการเปิดใจที่ยอมรับและเปลี่ยนจากสิ่งที่เป็นเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุกภาคไทย ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงหรือจะรูปร่างของต้นไม้ล้วนมีการเปรียบเทียบเป็นอีกหนึ่งมิติที่เห็นได้ถ้าเปิดใจให้กว้าง จากที่เจสยังแปลกใจกับช่วงแรกที่เลสลี่ทำอะไรที่ไม่มีอยู่จริง ทำให้บางอย่างที่ติดตัวมาตลอดเกิดความคิดแบบมีอยู่จริง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เกิดบนกระดาษอย่างที่เคยเพราะสิ่งนั้นมีอยู่จริง และมันเกิดขึ้นได้ถ้าเปิดใจรับสิ่งนั้น

เจส โชคร้าย ที่การเรียนรู้ของเขามาพร้อมกับการสูญเสีย

เจสเติบโตมากับครอบครัวขนาดใหญ่ เขาเป็นผู้ชายคนเดียวท่ามกลางพี่สาวสามน้องสาวอีกหนึ่ง เขาเป็นเด็กดีมีความรับผิดชอบ คอยช่วยงานครอบครัว มีสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดี เขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่มีกันครบ แม้จะมีทะเลาะมีความยากลำบากแต่ก็อยู่กันด้วยความรัก คนที่เขาขาดไปในชีวิตคือ ‘เพื่อน’

 

 

ใครได้ดูหนัง อาจรู้สึกว่า บางส่วนของเจสมีอยู่ในตัวเอง สมัยเด็กๆที่ไม่ได้เจ๋งไม่คูลไม่โก้ไม่เท่ เป็น แค่ คนๆหนึ่งที่เติมจำนวนให้ครบห้อง

เวลาไปโรงเรียนเล่นอะไร ก็ถูกจับเป็นตัวสำรอง หรือ ตัวแถมอยู่เรื่อยๆ เวลาอยู่โรงเรียนก็โดนรีดโดนไถ หรือ โดนใช้งานโดยไอ้พวกตัวใหญ่ๆ

เวลานั่งเรียนแอบชอบครูคนสวยที่สอนอย่างใจดีและเขินเวลาครูมาคุยด้วย เวลานั่งกินข้าวหาโต๊ะไม่ค่อยได้ เพราะโต๊ะนั้นโต๊ะโน้น ก็มีพวกมีกลุ่มประจำนั่งอยู่แล้ว

ความโดดเดี่ยว ความเบื่อหน่าย ความเหงา ทั้งหลายทั้งมวลนั้นสามารถอันตรธานหายไปได้ในพริบตา เมื่อเราค้นพบใครสักคนที่ก้าวมาในชีวิตและหยิบยื่น ‘มิตรภาพ’ ให้ ยังจำกันได้หรือเปล่า เมื่อคราวแรกที่มีคนมาชวนคุย มาชวนเล่น มาชวนร่วมทำกิจกรรมตอนเข้าไปอยู่ในที่แปลกใหม่ ตอนที่เราเคว้งคว้าง มันทำให้เรารู้สึกดีเพียงใด

เพื่อนที่คบๆกันตอนนี้ ยังจำได้หรือไม่ ว่าจุดเริ่มต้นของการทำความรู้จักกันทำให้เรารู้สึกอย่างไร และนั่นก็เกิดกับ เจส เช่นเดียวกันตอนรับหมากฝรั่งจากเลสลี่

Bridge to Terabithia สะพานสู่ทีราบีเตีย อาจเป็นคำพูดที่กล่าวมาตรงๆและไม่สลับซับซ้อนอะไร แต่อะไรที่น่าสงนเมื่อหลังดูเรื่องจบคือ Bridge ที่มีความหมายมากกว่าจะเป็นแผ่นไม้ปูทางข้ามฟาก แต่อาจหมายถึงหลายสิ่งๆที่กำลังจะหายไปและเริ่มขึ้นใหม่กับอีกสิ่งหนึ่งเมื่อเราเลือกข้ามสะพาน เหมือนเจสที่เริ่มเข้าใจในหลายสิ่งๆว่า”อย่าลืมคนที่อยู่ใกล้ตัว” ทำให้เจสเริ่มมีความหมายกับชีวิตมากขึ้น รีวิวหนังแฟนตาซี โดยการสร้างสะพานให้กับน้องสาวของตนเองและยกให้เป็นราชินีแห่งทีราบีเตีย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Terabithia กลับมามีชีวิตจริงๆคือการที่เจสกลับมาเข้าใจเรื่องเลสลี่ ที่ไม่ใช่เพราะความผิดของเขาที่ทำให้สูญเสียเธอไปแต่เป็นเรื่องของชีวิต ที่ทุกคนต่างเลือกเมื่อต้องการเปลี่ยนแปลง และแน่นอนว่าเลสลี่ต้องเข้าใจกับการกระทำของเจสเพราะความคิดที่ไม่เคยว่าร้ายใครและยอมรับว่านั้นก็คือส่วนหนึ่งของชีวิต