รีวิว Ex Machina

สวัสดีครับวันนี้ผมจะมารีวิวหนังไซไฟกันอีกเช่นเคย ปลายปากกานั้นสามารถสรา้งสรรค์สิ่งต่างๆได้อย่างใจคิด ทุกคนคิดว่าจะเป็นอย่างไรกันครับ และแล้วหนังที่ผมจะมารีวิว Ex Machina (2015) เรื่องราวของชายสองคน กับการทดสอบหุ่นยนต์ที่มีปัญญาประดิษฐ์เทียบเคียงมนุษย์ Ex Machina เป็นหนึ่งหนัง Sci-Fi ที่มีความเป็น Sci สูง เพราะไม่ได้พูดเรื่องที่เหนือจริงจนรู้สึกแฟนตาซี

ถ้าใครชื่นชอบหนัง Sci-Fi ที่ดูสมจริง และมีประเด็นให้สมองได้ใช้งาน Ex Machina จะทำให้เพื่อนๆไม่ผิดหวังครับ

แต่พูดเรื่องอนาคตที่เป็นไปได้จริงสูง ซึ่งทำให้คนดูอินไปกับเรื่องราวได้โดยง่าย และสิ่งที่ผมชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้คือ นี่เป็นหนังที่สนุก “คิด”  หลังจากชนะรางวัลในอินเตอร์เน็ต โปรแกรมเมอร์ Caleb (Domhnall Gleeson) ได้ถูกเชิญให้ไปอยู่ที่รีสอร์ตส่วนตัวในภูเขาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเจ้าของรีสอร์ตนี้คือ Nathan (Oscar Isaac) ผู้เป็น CEO ของบริษัทที่ Caleb ทำงานอยู่ ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022  เขาเผยว่าเหตุผลที่แท้จริงของรางวัลนี้คือเพื่อค้นหาบุคคลที่จะมาเข้าร่วมการทดลองปฏิสัมพันธ์กับหุ่นยนต์เอไอเครื่องแรกของโลก (Alicia Vikander) แต่การเล่นเป็นพระเจ้าครั้งนี้กลับมีผลที่คาดไม่ถึง

 

 

เมื่อมนุษย์ต้องตั้งคำถามเพื่อพิสูจน์ว่า ‘เอวา’ หุ่นยนต์ที่เห็นตรงหน้าเป็นปัญญาประดิษฐ์หรือไม่ เขาจะพิสูจน์อย่างไรว่าเอวาสามารถจินตนาการวางแผนต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นตอนได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ถูกโปรแกรมตั้งค่า

ดังนั้นเมื่อเราได้ดูตอนไคลแม็กซ์ของ Ex Machina มันจึงพีคทางความรู้สึกอย่างรุนแรง เพราะหนังสามารถหาวิธีมาพิสูจน์จนได้ว่าเอวาเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ล้ำไปไกลกว่าที่เราคาดคิด

Ex Machina เริ่มต้นพูดถึงปัญญาประดิษฐ์ง่าย ๆ (แต่ทำออกมายาก) ด้วยการตั้งคำถามว่า ‘จะพิสูจน์อย่างไรว่าปัญญาประดิษฐ์มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง’ ซึ่งต้องชมคนเขียนบทเลยว่ามีคอนเซปการเล่าเรื่องที่ฉลาดและอธิบายสิ่งที่ดูจะพิสูจน์ได้ยากให้เข้าใจได้โดยง่าย

 

 

หนังเริ่มต้นด้วยการพูดถึงแบบทดสอบทัวริ่ง (เป็นวิธีการทดสอบเครื่องจักร/หุ่นยนต์ว่ามีความสามารถในการคิดเหมือนมนุษย์หรือไม่ โดยให้มนุษย์ทำการสนทนาโต้ตอบแบบไม่เห็นอีกฝ่ายที่มีทั้งคนและเครื่องจักรปะปนกัน แล้วดูว่าสามารถแยกคนออกจากเครื่องจักรได้หรือไม่ วิธีการทดสอบนี้คิดค้นโดย ‘อลัน ทัวริ่ง’ คนเดียวกับที่ถอดรหัสอีนิคม่าใน The Imitation Game น่ะแหละ) แต่ ‘เอวา’ (หุ่นยนต์ในหนังแสดงโดย Alicia Vikander)

ไปไกลกว่าขั้นนั้นแล้ว โดย ‘คาเล็บ’ (Domhnall Gleeson) ต้องทดสอบว่าเอวาที่เห็นชัด ๆ ว่าเป็นหุ่นยนต์มีความรู้สึกนึกคิดแบบเดียวกับมนุษย์หรือไม่ เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง  ซึ่งขั้นตอนนี้แหละที่มันยากมากที่จะทำให้คนดูเห็นภาพว่าเอวาสามารถคิดอะไรเองได้หรือไม่ แต่หนังสามารถทำให้คนดูทึ่งได้โดยการเล่าเรื่องทั้งหมดปูทางไปเพื่อไคลแม็กซ์โค้งสุดท้ายที่หนังเฉลยทุกอย่าง

ก่อนอื่นค่อนข้างเสียดายที่หนังมันไม่ได้เข้าโรงฉายในบ้านเรา ทั้งๆ ที่หนังกวาดรางวัลจาก the British Independent Film Awards ไปถึง 4 รางวัล ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่ถึงสามรางวัลได้แก่ หนังยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม และบทยอดเยี่ยม ส่วนตัวลุงยกให้เป็น Classic ของหนังตระกูล A.I. เลยทีเดียว แม้ว่าจะชอบเรื่อง A.I. มากกว่าก็ตาม

 

 

รีวิว Ex Machina เนื้อความน่าสนใจที่แปลกใหม่ล้ำยุค

ชายหนุ่มโปรแกรมเมอร์คนหนึ่งในบริษัทได้รับข้อความว่าเขาถูกหวยเป็นผู้โชคดีได้เดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นของ นาธาน (Oscar Isaac จาก ‘Inside Llewyn Davis’ และ ‘The Bourne Legacy’) เจ้าของบริษัท โดยไม่รู้จุดมุ่งหมาย ไม่รู้ว่าเขาจะได้พบกับอะไรในป่าที่ห่างไกลผู้คนขนาดนั้น

หนังเล่าถึงคาเล็บ (Domhnall Gleeson) โปรแกรมเมอร์หนุ่มที่ได้รับรางวัลจากบริษัทให้มาห้องทดลองลับของเนธาน (Oscar Isaac) ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท และหน้าที่ของเขาก็คือทดสอบและสังเกตการณ์หุ่นปัญญาประดิษฐ์ที่มีรูปลักษณ์เป็นเพศหญิงชื่อว่า เอวา (Alicia Vikander) แรกๆ คาเล็บก็รู้สึกทึ่งกับประดิษฐกรรมชิ้นนี้ แต่พอยิ่งได้ใช้เวลากับเอวามากเท่าไร เขาก็เริ่มมีความรู้สึกบางอย่างต่อเธอ และขณะเดียวกันเขาก็เริ่มสงสัยในหลายๆ พฤติกรรมของเนธาน

ชอบความที่ ‘นาธาน’ (Oscar Isaac) ผู้ประดิษฐ์ AI วางแผนการทดสอบเอวาไว้หมดแล้ว โดยเขาเลือกคาเล็บมาเป็นผู้ทดสอบเฉพาะเจาะจงโดยใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลการค้นหา (นึกภาพว่ามีคนรู้ทุกอย่างว่าเราใช้ google ค้นหาอะไรบ้าง) ใช้ประวัติส่วนตัวของเขาที่เป็นคนโสดตัวคนเดียวที่พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก รวมถึงสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าเขาเป็นคนดี เพื่อสร้างความไว้วางใจให้แก่เอวา

ถ้าให้สรุปง่าย ๆ ว่าเขาเพียงต้องการทดสอบว่าเอวาจะวางแผนหนีออกจากที่นี่ได้หรือไม่ ถ้าหากว่าการหนีสามารถทำได้เพียงวิธีเดียวเท่านั้นคือชักใยคนอื่นให้ทำตามความประสงค์ของตัวเอง (นึกภาพมารยาผู้หญิง) ซึ่งเอวาสามารถทำได้ทั้งหมด ตั้งแต่การตระหนักรู้ความต้องการของตัวเองที่จะหนีออกจากที่นี่, เริ่มจินตนาการถึงแผนการ, ใช้เสน่ห์แกล้งทำเป็นตกหลุมรักคาเล็บ สุดท้ายก็ล่อลวงชายหนุ่มให้ใช้ความเห็นอกเห็นใจเป็นตัวตัดสินใจช่วยเหลือเธอ ซึ่งทั้งหมดนี้หากไม่ใช่ข้อพิสูจน์ถึงความรู้สึกนึกคิดของ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ ก็ไม่รู้จะเอาไรมาพิสูจน์แล้วล่ะ

 

รีวิว Ex Machina-2

 

แม้หนังจะพูดถึงการพิสูจน์ความสมจริงของ AI แต่กลับทำให้เราได้ขบคิด ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก แง่มุมของความเป็นมนุษย์ว่าสิ่งที่กำหนดความเป็นมนุษย์คืออะไร เพราะเอาเข้าจริงการใช้ทัวริ่งเทสที่ตัวเอกใช้ทดสอบ แม้จะใช้ทดสอบ AI แต่แท้จริงมันคือการทดสอบความเป็นมนุษย์ และแม้จะให้เราได้ขบคิดความมนุษย์ มันยังขยายวงกว้างไปถึงการมีชีวิต ว่าชีวิตจะจำกัดขอบเขตได้เพียงไหน ซึ่งก็ยอมรับว่ามีหนังทำนองนี้หลายเรื่อง แต่ Ex Machina ก็เจาะประเด็นนี้ได้ดี และชวนให้ขบคิดมากกว่าเรื่องอื่นๆ

และด้วยที่ผมว่าหนังเรื่องนี้ สนุกคิด ไม่ใช่เพียงเพราะมันเป็นหนังที่มีประเด็นให้เราไปคิดอย่างเดียว หากแต่มีความสนุกในมุมมองของความบันเทิงด้วย โดยเฉพาะบทที่เขียนมาอย่างดีที่ทำให้หนังน่าติดตาม มีความกดดัน มีจุดหักมุม จุดกระชากอารมณ์ ที่ยังคอยดึงความคิดและอารมณ์คนดูให้ยังอยู่กับหนังแม้หนังจะจบไปแล้ว

และที่สำคัญคือการแสดงที่น่าชื่นชมของ ALICIA VIKANDER ที่รับบทเป็นหุ่นยนต์นาม EVA ที่สามารถรับบทให้เป็นหุ่นยนต์ที่มีปัญญาและอารมณ์เทียบเท่ามนุษย์ได้อย่างเหลือเชื่อ เพราะความยากของการแสดงเป็นเอวา คือนอกจากจะต้องทำให้คนดูเชื่อว่านี่คือหุ่นยนต์จริงๆ ในขณะเดียวกันก็ต้องทำให้เห็นว่ามีความฉลาดและอารมณ์เหมือนมนุษย์เช่นกัน ซึ่งต้องแสดงให้คนดูเห็นความสมดุลทั้งสองส่วนนี้ให้ได้เพื่อจะดึงให้คนดูนั่งคิดตามว่าตกลงเอวาเป็นหุ่นยนต์ที่เหมือนมนุษย์สมบูรณ์แบบแล้วหรือยัง ถึงแม้ผมจะไม่ได้เห็น ALICIA เล่น Danish Girl แต่ก็ไม่แปลกใจเลยที่เธอได้รับรางวัลออสการสาขานักแสดงหญิงสมทบไปในปีนี้

 

รีวิว Ex Machina-1

 

ข้อดีข้อเสีย จุดเด่นและจุดด้อยจากความคิดผู้เขียน

อย่างแรกที่ขัดใจคือเรื่องของภาพ โดยรวมมันดูมืดๆ ทึมๆ ยังไงไม่รู้ แต่ด้วยลักษณะแบบนี้มันเลยส่งให้บางซีนดูสวยเก๋แบบโดดออกมา เช่น ฉากห้องทดลองที่คาเล็บไป ทำออกมาได้น่าสนใจ ดูเรียบง่ายแต่ซ่อนเร้น ดูไร้ชีวิตแต่มีลมหายใจ ด้วยการจัดวางและโทนสีมันทำให้รู้สึกเหมือนว่าาที่แห่งนั้นมันมีชีวิตของมันเอง หรือฉากห้องทดลองตัดกับสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าและลำธารใกล้ๆ รีวิวหนังแฟนตาซี แล้ว มันได้อารมณ์ตัดกันระหว่างเทคโนโลยีกับธรรมชาติแบบกำลังดีเลย

ส่วนฉากหนึ่งที่ชอบมาก ๆ ในบรรดาหนังเกี่ยวกับ AI ทั้งหลายเลยก็คือตอนที่คาเล็บสับสนว่าตัวเองเป็นมนุษย์จริง ๆ หรือเป็นเพียงหุ่นยนต์จึงลงมือกรีดแขนตัวเองดูว่าข้างในเป็นจักรกลหรือไม่ จังหวะของหนังมันปูทางมาให้ฉากนี้พีคมาก ๆ เพราะขนาดเคียวโกะที่ผมนึกว่าเป็นเพียงมนุษย์สาวใช้ธรรมดายังกลายเป็นจักรกลซะได้ หนังสร้างความคลุมเครือ ความสับสนจนตัวคาเล็บปั่นป่วนต้องพิสูจน์ด้วยการกรีดแขนตัวเอง

 

 

ในส่วนขอแสดง เล่นได้เวิร์กหมด Alicia Vikander นี่ปลื้มมาตั้งแต่ The Danish Girl มาเรื่องนี้ชีก็ไปได้ดีกับบทหุ่นเอวา ท่าทางนิ่งๆ ดูไร้จิตใจ แต่ก็แฝงไว้ซึ่งสัญญาณของความรู้สึก (ไม่ว่าจะเพราะเธอแสดงหรือเพราะลุงรู้สึกไปเองก็ตาม) Domhnall Gleeson ดูเป็นหนุ่มเนิร์ดใสซื่อ แววตาท่าทางพี่แกดูอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กๆ จนเรารู้สึกได้เลยว่าเขาจะถูกนำทางด้วยเรื่องความรู้สึกส่วนตัวและอารมณ์มากกว่าเหตุผล รีวิวหนังไซไฟ ในขณะที่ Oscar Isaac คนนี้ดูยากสุด บางทีก็ดูนิ่งๆ บางทีก็ดูเกรียนๆ ชวนให้ลุงรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจตัวละครนี้สักเท่าไหร่ ไม่แน่ใจว่าตกลงพี่แกมีอะไรในใจกันแน่ รวมๆ แล้วนักแสดงก็โดดเด่นเล่นเป็นตัวละครได้สมจริงและน่าติดตาม

และก็อดจะเขียนเชียร์ Transcendence ไม่ได้ ในขณะที่ Ex Machina พูดถึงการพิสูจน์ว่า AI สามารถคิดเองได้จริง ๆ หรือไม่ แต่ Transcendence กลับพูดถึงการพิสูจน์ว่า AI ยังคงเหลือจิตวิญญาณของมนุษย์ที่ฝังอยู่ในระบบหรือไม่ ซึ่งหนังทั้งสองเรื่องเป็น hard sci-fi ที่มีประเด็นยอดเยี่ยมทั้งคู่ เพียงแต่ Transcendence อาจจะเป๋ ๆ การเล่าเรื่องไปหน่อยด้วยสเกลหนังใหญ่ดาราดัง ส่วน Ex Machina สเกลเล็กและมุ่งประเด็นเดียวจนถ่ายทอดออกมาได้หนักแน่นกว่า ถ้าใครชอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ไม่ควรพลาดอีกเรื่องนะครับ