รีวิว A Monster Calls มหัศจรรย์เรียกอสูร

รีวิว A Monster Calls มหัศจรรย์เรียกอสูร

ถ้าเราพิจารณาจากตัวอย่างของ ดูหนังฟรี หนังเรื่อง A Monster Calls มันทำให้เราได้คิดไปว่า ‘หนังเด็ก’ เรื่องนี้ ‘โคตรไม่มีอะไร’ เลยก็ว่าได้ ยิ่งหากคุณไม่ค่อยดูหนังสไตล์แฟนตาซีด้วยแล้วอาจไม่อยู่ในลิสต์ของหนังที่คู่ควรกับเงินในกระเป๋าของคุณเลย ซึ่งนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทีเซอร์ ‘ทำร้าย’ ตัวหนังของมันเองอย่างมาก

เรื่อง A Monster Calls เรื่องราวของหนังเรื่องนี้มีตัวเอกอย่าง คอเนอร์หนูน้อยวัย 13ที่ชีวิตของเค้านั้นมีปัญหาสารพัด ไม่ว่าจะโดนกลั่นแกล้งจากเพื่อนที่โรงเรียน แม่ของเขา (เฟลิซิตี้ โจนส์) ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ส่วนพ่อ (โทบี้ เคบเบลล์) ก็ไปแต่งงานใหม่และย้ายไปอยู่อเมริกา ทำให้คอเนอร์ต้องอยู่กับคุณยาย (ซิกอร์นีย์ วีเวอร์) ที่ตัวเขาไม่ชอบหน้าเท่าไหร่

รีวิวหนังแฟนตาซี  เรื่องราวของหนังเรื่อง มหัศจรรย์เรียกอสูร เริ่มจากที่เด็กน้อยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่แม่ของเขาชื่อ คอนเนอร์ เขาเป็นคนที่เก็บกดและมีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนในโรงเรียนเป็นประจำ กลับมาบ้านก็กลับได้พบกับยาย ที่ระบุจะพาเขาไปอยู่ด้วย เขาดูจะไม่ยินยอมนัก คงเพราะเขาอยากอยู่กับแม่แต่แม่ของเขาป่วย

ไม่มีใครจะช่วยดูแลเขาได้นอกจากยายเด็กชายฝันร้ายเรื่อยมา ความฝันนั้นบอกบางสิ่งที่เขาเก็บไว้ในใจ แต่เมื่อเขาได้พบกับ “มอนสเตอร์” ต้นยิวยักษ์ที่อยู่มานานหลายร้อยปี ที่อยู่ใกล้ๆบ้าน มันกลายเป็นอสูรตนใหญ่ตาสีแดง และมันกำลังบีบบังคับให้หนูน้อยเล่าพวกเกี่ยวกับนิทานมา สามเรื่องและยังขู่ให้เขาเล่าเรื่องที่เขาไม่อยากจะเล่า

จากที่เห็นในทีเซอร์ นี่น่าจะเป็นหนังที่เล่าในสไตล์หนังจากวรรณกรรมเยาวชนมีพวกมอนสเตอรืที่เป้นจุดเด่นให้เด็กๆได้ดู แต่พอไปเจอจริงๆ กลับพบว่า หนังมันทำได้ ลึกซึ้งเกินกว่าจะเป็นหนังที่ทำขึ้นมาสำหรับเด็กดูงานวิชวลและเทคนิคอันบรรเจิดบรรจงดูจะเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนขั้นสุดดูหนังออนไลน์ น่าดูน่าติดตามได้ที่นี่

ตั้งแต่แรกเห็นก็รู้สึกได้ถึงสิ่งนี้ทันที งานด้านภาพที่ปรากฏให้เห็นในทุกช่วงเวลา ตั้งแต่ช่วงต้นที่ขึ้นไตเติลมา ไปจนถึงตอนจบของเรื่องทั้งช่วงที่ใช้คนแสดง ที่ใช้เทคนิค คอมพิวเตอร์กราฟิกที่เนียนกริบ ที่โดเด่นก็ตัวของ “Monster” อสูรต้นไม้ที่ละเอียดยิบไปทุกกระเบียดนิ้วหนังนั้นได้บอกเล่าว่าเด็กน้อย คอนเนอร์นั้นเก่งการวาด

รีวิวหนังแฟนตาซี น่าดู  หนังก็เลยใช้ภาพที่โฟกัสไปที่การวาดเป็นพิเศษ เจาะเข้าไปใกล้ถึงดินสอที่ถูกเหลา ลายเส้นที่ปรากฏขึ้นเมื่อเนื้อดินสอสีดำๆ จรดวาดลงบนกระดาษขาว และยังมีช่วงของการระบายสีด้วยเทคนิคการเป่าเพื่อสร้างอสูรร้ายที่เด็กน้อยฝันถึงแต่ที่ชอบมากก็คงจะเป็นการหยิบใส่ภาพแอนิเมชั่นแทรกเข้ามาในหนังคนแสดง

ซึ่งทำได้เหมาะจริงๆทั้งเท่ ทั้งสวยงาม ความน่าตื่นตาตื่นใจอย่างมากหนังเรื่องนี้มันต้องขอบคุณพวก ทีมงานสร้างส่วนเฟลิซิตี้ โจนส์ การที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ได้คิดกับตัวเองว่า เฟลิซิตี้ โจนส์ ในหนังเรื่องนี้ นั้นได้เล่นน้อยมากๆ

เพราะหนังเน้นให้เวลาและน้ำหนักกับเด็กน้อยกับอสูรต้นไม้เยอะมาก แต่ก็ใช่ว่า ทุกวินาทีที่มีเธออยู่บนจอจะไร้ค่า แต่กลับตรงกันข้าม เธอคือความดีที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้เลยในเรื่องนี้ เธอเล่นเป็นแม่ที่มีโรคร้ายติดตัวแม้จะไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นโรคใดแน่ แต่ดูท่าว่าอาการเธอจะทรุดลงเรื่อยๆ ดูจากหน้าที่ตอบของเธอแล้ว

ก็ไม่แปลกใจที่หนุ่มน้อยคอนเนอร์จะเก็บกดหนัก ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว เธอเล่นได้อย่างเข้าถึง ยิ่งผ่านไปช่วงสุดท้าย น้ำตาที่เก็บกักมานานก็ถึงกาล ที่มันจะทำหน้าที่ของมัน ออกมาแม้เธอจะมีบทออกมาน้อย แต่สิ่งที่เธอเล่นถือว่า “มาก” เกินพอไม่ใช่แค่ เฟลิซิตี้ โจนส์ หรอกนะที่แสดงได้ยอดเยี่ยม

การที่มีทีมนักแสดงมืออาชีพที่เล่นได้แบบสุดยอดมันทำให้ ‘มหัศจรรย์เรียกอสูร’ ดีได้ถึงขั้นนี้ อย่างเช่นบทเด็กน้อย ลูอิส แม็กดูกัลล์ ที่สวมบทบาทเด็กเก็บกดความรู้สึกเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมนี่ยังไม่รวมถึง เลียม นีสันและมันเป็นการแสดง สต็อปโมชั่นนั้นเป้น เรื่องที่สองของเขา มอนเสเตอร์ ที่มี พลังการพูดที่แข้งกร้าวและอ่อนโยนดูมีพลังตรึงความสนใจ

ลุงเลียมเขาทำได้ไม่เลวเลยสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างสุดยอดจริงๆ พล็อตเรื่องก็ไม่ใช่เป็นแนวเด็กสักเท่าไหร่มันแค่จะสื่อไปทางที่ว่า มันเป็นเรื่องเด็กที่กดเก็บจากสิ่งที่ต้องเผชิญในวัยนั้นก็จริง แต่สิ่งที่อสูรและเด็กสนทนากันอยู่นั้นมันลึกซึ้งมากจนผู้ใหญ่ที่ได้ดูยังต้องอึ้ง

สิ่งที่เราได้เผชิญในโลกแห่งความเป็นจริงมันเป็นเช่นนั้น และเราต้องใช้กำลังใจมากแค่ไหนถึงจะผ่านมันมาเรารู้สึกว่านิทานแต่ละเรื่องที่อสูรเล่านี่มันโดนมากๆหนังอาจไม่ถึงกับยาวมากนัก ตลอดเรื่องอาจจะไม่มีฉากไหนสร้างอาการสะอึ้นได้ แต่ผู้กำกับฯ เลือกที่จะเก็บมันไว้ท้ายสุด

เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมที่หนักหน่วงให้เกิดในใจผู้ชมอยากให้ทุกคนที่อ่านบทความนี้ลองซื้อตั๋วเข้าไปดูในโรงกันดูสักที มองมุมในโลกที่แสนจะเจ็บปวด มันดูแย่นะ แต่มันก็คือความจริง หนังอาจดำเนินเรื่องให้เราสับสนว่านี่คอนเนอร์อยู่ในโลกความจริงหรือโลกความฝันกันแน่

แต่สิ่งที่อสูรเล่าล้วนปฏิเสธไม่ได้เลยทุกคนบนโลกล้วนต้องเจอปัญหา ความเจ็บปวด ความกลัวการสูญเสีย ต้องเคยร้องไห้เสียใจ ต้องเก็บงำความรู้สึกที่ไม่อยากจะบอกกับใครแม้แต่กับตัวเอง ต้องยิ้มแม้ในใจจะเศร้า

เราทุกคนนั้นต่างมี “มอนสเตอร์” อยู่กับเราเสมอ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รู้สึกถึงมัน ถ้าเรารู้ มันอาจกลายเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวข้ามผ่านไปเพื่อเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งกว่าเก่างั้น “มอนสเตอร์” ก็อาจไม่ใช่สิ่งเลวร้ายอย่างที่เราเคยคิด

ในโลกของเด็กน้อยที่มี ความสิ้นหวังในชีวิตนั้น ในช่วงกลางคืนมันได้เกิดสิ่งประหลาดมาก ต้นยิวที่สูงเสียดฟ้ากว่า 40 ฟุต และมันจะปรากฏตัวทุกคืนในเวลา 12.07 น.มันจะเล่านิทานให้เด็กน้อยคอนเนอร์ฟัง วันละ 1เรื่อง

โดยการตกลงกับมอนสเตอร์ต้นไม้ยักษ์ว่าถ้าต้นไม้ยักซ์เล่าครบ3เรื่อง คอเนอร์ต้องเล่าเรื่องนิทานให้อสูรกายฟัง 1 เรื่อง หลังจากเหตุการณ์แบบนี้มาเรื่อยๆ ความคิดอ่านของหนุ่มน้อยให้เข้มแข็งขึ้นทีละน้อย โดยตัวอสูรกายนั้นเปรียบเสมือนร่างทรงของความคิดของคอเนอร์

เรื่อง มอนสเตอร์ คอลล์ หากดูเผินๆ มันคงเดาได้ไม่ยากว่า ทางของหนังเด็กแบบนี้ก็น่าจะเดินเรื่องเน้นออกไปทางแฟนตาซี เอาชนะปมด้อยด้วยพลังงานพิเศษอะไรเทือกนั้น แต่มันค่อนข้างเซอร์ไพรส์ตรงที่ ตัวหนังเลือกสื่อเนื้อหาที่ค่อนข้างหนัก มีความรุนแรง เจือปนด้านมืดของตัวละคร

และใส่ข้อมความในเชิงปรัชญาเข้ามาให้หนังมีโทนของ ความเป็นดรามาและลุ่ม ลึกมีมิติมากกว่าที่คาด บอสที่เขาต้องชนะไม่มีตัวตนอยู่จริง แต่บอสที่เขาต้องผ่านไปให้ได้คือ การรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตที่ประดังเข้ามาหาเขาตอนนี้

ส่วนฟาก เฟลิซิตี้ โจนส์ ในบทบาทของแม่ที่ป่วยมะเร็งนั้นก็ถือว่าผลักให้หนังยกระดับตัวเองไปได้อีกมาก ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่า แม้ในเรื่องนี้เธอจะไม่โดดเด่นมากนัก แต่สไตล์การเล่นที่ลงตัวพอดี ไม่มากไป กลับเป็นเสน่ห์และจุดที่ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งไปด้วยจริงๆ โดยเฉพาะในตอนจบที่ทำให้รู้สึกได้ว่าเธอนี่แหละคือเป็นตัวละครหลักที่แท้จริงของเรื่องนี้

ทุกคนก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ เวลาของเรามีไม่เท่ากัน ชะตาชีวิตใครชะตาชีวิตมัน นั่นคือสิ่งที่เราต้องยอมรับ ไม่มีสิ่งใดที่สูญเสียไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะไม่พรากจากกัน และไม่มีวันสายไปที่จะลุกขึ้นมาฮึดสู้ และ เผชิญกับโชคชะตา สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือใช้เวลาที่มีอยู่ด้วยกันตรงนี้กับคนที่คุณรักในทุกนาทีให้คุ้มค่า เพราะมันจะไม่หวนย้อนกลับมาอีก

และเมื่อดูหนังจบ มันอาจรู้สึกอิ่มเอม ความซาบซึ้ง และน้ำตาซึม และมันอาจจะกรตุ้นความเป้นเด็กภายในตัวเราให้พุ่งพ่านแน่นอน และ หันย้อนมาหยุดตั้งคำถามเล็กๆ กับชีวิตตัวเองระหว่างเดินออกมาจากโรง

ชื่อภาพยนตร์: A Monster Calls / มหัศจรรย์เรียกอสูร
ผู้กำกับภาพยนตร์: J.A. Bayona (ฮวน อันโตนีโอ บาโยน่า)
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Patrick Ness (screenplay), Patrick Ness (based upon the novel written by)
นักแสดงนำ: Sigourney Weaver, Felicity Jones, Lewis MacDougall, Toby Kebbell, James Melville, Liam Neeson
แนว/ประเภท: Drama, Fantasy
ความยาว: 108 นาที
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 1 ธันวาคม 2559
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Apaches Entertainment, La Trini, Participant Media, Mongkol Major